แนะนำ ภาพยนตร์สุดเศร้า

แนะนำ ภาพยนตร์สุดเศร้า

แนะนำ ภาพยนตร์สุดเศร้า ในชีวิตของเราไม่ว่าจะเกิดมาในครอบครัวหรือสังคมที่ดีเพียงใด สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องพบเจอทั้งความสุขและความผิดหวัง ตัวอย่างเช่น หนังตลก หนังรัก และแน่นอน หนังเศร้าที่ทำให้เราเสียน้ำตา ต้องบอกว่าหนังเศร้าหลายเรื่อง ถึงแม้จะทำให้เราหงุดหงิดหรือเศร้าไปเป็นอาทิตย์ แต่หนังเหล่านี้ล้วนมีคุณภาพ ทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ต้องบอกเลยว่าคนรักหนังหลายคนชอบหนังแนวนี้มาก ดังนั้นในบทความนี้ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับ ’10 หนังเศร้า ซึ้งกินใจที่สุดตลอดกาล’ ที่ไม่ว่าหัวใจคุณจะเข้มแข็งแค่ไหน คุณก็ยังคงต้องเสียน้ำตา

แนะนำ ภาพยนตร์สุดเศร้า 1. Call Me By Your Name

แนะนำ ภาพยนตร์สุดเศร้า นักแสดงนำของเรื่องนี้ อาร์มี่ แฮมเมอร์ และ ทิโมธี ชาลาเมต์ ทำเอาคนทั่วโลกหลั่งน้ำตาไปแล้วในปี 2017 เรื่องนี้ถ่ายทำที่อิตาลี ทำให้ฉากต่างๆ ของหนังสวยงามและโรแมนติกมาก แต่หนังกลับจบลงไม่สวยนักเพราะความรักของทั้งคู่ไม่ได้สมหวัง เนื่องด้วยความรักของกลุ่ม LGBTQ+ ที่สังคมอาจไม่ยอมรับ ประกอบกับบริบททางสังคมที่หลากหลาย ทำให้ความรักของทั้งคู่มีอุปสรรค จนฝ่ายหนึ่งต้องหมั้นหมายและแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากแยกทางกัน ฉากสุดท้ายของเรื่องคืออีกฝ่ายนั่งเศร้าอยู่หน้าเตาผิงเพราะได้รับข่าวว่าอีกฝ่ายจะหมั้นหมายและแต่งงาน เป็นฉากที่ทำเอาคนดูร้องไห้จนกลั้นไม่อยู่

2. Brokeback Mountain

เมื่อพูดถึงหนังเกย์สมัยนี้ หลายคนคงนึกถึง Call Me By Your Name แต่ถ้าจะเป็นหนังเกย์ในตำนานที่เปิดโลกของหนัง LGBTQ+ ก็ต้องเป็น Brokeback Mountain เรื่องนี้เล่าเรื่องความรักของคาวบอยสองคนที่ตกหลุมรักกันตอนทำงาน แทนที่ทุกอย่างจะสวยงามเหมือนความรักระหว่างชายและหญิง แต่สังคมและวัฒนธรรมในอดีตกลับสร้างอุปสรรคให้กับความรักของทั้งคู่ มีกลุ่มคนที่เกลียดเกย์จนเกิดรอยร้าว สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องแยกทางกันเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงตามบริบทที่สังคมสร้างขึ้น และที่เศร้ายิ่งกว่าคือมีคนตายตอนจบหนัง ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนังเศร้าในตำนานที่ไม่ว่าจะดูกี่รอบก็ร้องไห้ตาม

3. Titanic

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง ‘ไททานิค’ จะฉายมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ตัวภาพยนตร์และเพลงประกอบยังคงเป็นที่พูดถึงจนถึงทุกวันนี้ ถือเป็นภาพยนตร์โรแมนติกชิ้นเอกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอและเคต วินสเล็ตโด่งดังและยังคงเป็นที่รู้จักของผู้คนจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าความรักระหว่างโรสและแจ็คจะหวานชื่นบนเรือไททานิค แต่สุดท้ายก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเมื่อเรืออับปาง และแจ็คต้องเสียสละตัวเองเพื่อให้คนรักมีชีวิตรอดในน้ำแข็งและอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฉากนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน

4. Roma

‘Roma’ คว้ารางวัลออสการ์ทั้งสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม การถ่ายทำภาพยนตร์ขาวดำแบบทันสมัยทำให้ผู้ชมรู้สึกดื่มด่ำไปกับบรรยากาศได้มากขึ้น เรื่องราวของ ‘Roma’ เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวชนชั้นกลางในเม็กซิโก ซึ่งแม่ของเธอทำงานเป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก เรื่องราวเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เมื่อเกิดความไม่สงบในเมืองทำให้เกิดการสูญเสีย จนกลายเป็นภาพยนตร์เศร้าในตำนานที่สร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ ถือเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนควรดูอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต

5. Me Before You

หากคุณชอบหนังรักโรแมนติกเศร้าๆ ที่ต้องเสียน้ำตา ห้ามพลาด Me Before You เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพระเอกชายพิการที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปทำงาน หลายปีผ่านไป พ่อแม่ของเขาจึงจ้างให้เขาดูแลลูกชาย แม้ว่าตอนแรกทุกอย่างจะไม่ดีนัก แต่สุดท้ายเขาก็เปิดใจและกลายเป็นคนรักกันเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนามากขึ้น แต่ความรักครั้งนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะพระเอกวางแผนและตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะทำการุณยฆาตเพื่อจากโลกนี้ไปอย่างสงบและไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป

6. The Notebook

‘โนอาห์’ และ ‘แอลลี่’ เริ่มต้นความสัมพันธ์กันในช่วงฤดูร้อน มันคือความรักที่ทั้งสองเฝ้าตามหามานาน แต่แล้วด้วยความขัดแย้งในครอบครัวและสงครามในตอนนั้น ทั้งสองจึงต้องอยู่ห่างไกลกัน อย่างไรก็ตามด้วยความรักที่แท้จริงและความรักที่มีต่อกัน ทั้งสองจึงพยายามหาหนทางในการพบกันอีกครั้งในวัยชรา แม้ว่าความปรารถนาของพวกเขาจะเป็นจริง แต่โชคร้ายที่แอลลี่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ และไม่สามารถจดจำความรักที่พวกเขามีให้กันในอดีตได้ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าใจเรื่องหนึ่ง หากใครได้ดูจะต้องรู้สึกแย่ไปอีกหลายสัปดาห์

7. Moonlight

‘Moonlight’ คือหนึ่งในเรื่องราวที่อิงจากเรื่องจริงของ ‘Chiron’ ชายหนุ่มที่รู้ว่าตนเองเป็น LGBTQA+ ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น แต่เพราะสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบตัวทำให้เขาต้องปกปิดตัวตน นอกจากนี้ยังมีการเล่าเรื่องความยากจน ครอบครัวที่แตกแยก และการถูกกลั่นแกล้งเพราะเป็นเพศทางเลือก นับเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมได้อย่างแท้จริงและทำให้ใครหลายคนเศร้า โดยเฉพาะตอนจบที่ทำให้ใครหลายคนอ้าปากค้าง หากใครกำลังมองหาภาพยนตร์เศร้าคุณภาพที่สะท้อนสังคม Moonlight คือหนึ่งในนั้น

8. Precious

‘Precious’ ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายเป็นภาพยนตร์ เรื่องราวเกี่ยวกับภูมิหลังชีวิตของหญิงสาวชื่อ ‘Precious Jones’ ที่อาศัยอยู่ในย่าน Harlem ซึ่งเป็นบ้านเล็กๆ ที่มีคนจนอาศัยอยู่หนาแน่น แม้ว่าเธอจะมีความสามารถ แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เธออ่านหรือเขียนหนังสือไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความพากเพียร เธอจึงมองหาโอกาสในการเรียนหนังสือ แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น เธอกลับท้อแท้เพราะมีอุปสรรคขวางทางอยู่มากมายจนผู้ชมต้องหลั่งน้ำตาไปตามๆ กันกับตัวละครในเรื่อง

9. Train to Busan

‘Train to Busan’ เป็นเรื่องราวของพ่อเลี้ยงเดี่ยวและลูกชายตัวน้อยที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟจากโซลไปปูซาน แต่ครั้งนี้เหตุการณ์ที่โชคร้ายคือมีผู้โดยสารที่ติดเชื้อซอมบี้บนรถไฟ ผู้ติดเชื้อจะกัดผู้โดยสารคนอื่นและแพร่เชื้อให้ ดังนั้นการเอาชีวิตรอดคือการหลบหนีและต่อสู้กับซอมบี้เมื่อถูกล้อมมุม ด้วยความรักของพ่อ เขายอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยลูกชายและไปให้ถึงเป้าหมาย แม้ว่าลูกชายจะโชคดีที่รอดชีวิตมาได้จนถึงจุดจบ แต่พ่อต้องยอมรับการติดเชื้อและตาย โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่ทั้งสองต้องบอกลากัน ต้องบอกเลยว่าถ้าฉันไม่ร้องไห้ ฉันคงใจร้ายไปหน่อย

10. My Girl

ภาพยนตร์เรื่อง My Girl เป็นภาพยนตร์เด็กคลาสสิกที่น่ารัก อบอุ่นหัวใจ และสร้างความสุขให้กับผู้ชม ตัวละครหลักในเรื่องมีอยู่ด้วยกัน 2 คน คือ ‘วาดา’ และ ‘โทมัส’ เพื่อนสนิทของเธอ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พวกเขาจะคอยสนับสนุนเพื่อนสนิทของพวกเขาเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งโทมัสเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้วาดาเสียใจมากจนเธอมีปัญหาทางจิต และฉากที่ถูกพูดถึงมากคือฉากในงานศพของโทมัส เมื่อวาดาวิ่งเข้าไปใกล้ร่างของเขาแล้วถามว่าทำไมเขาไม่ใส่แว่น (ปกติโทมัสสายตาสั้น) ฉากนี้ทำเอาคนทั่วโลกแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากใครกำลังคิดจะดูหนังน้ำตาซึมในวันหยุด บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คุณร้องไห้ไม่หยุดแน่นอน

บทความแนะนำ

แนะนำ หนังที่สร้างจากเรื่องจริง