แนะนำ หนังที่สร้างจากเรื่องจริง ภาพยนตร์หรือหนัง ถือเป็นรูปแบบความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีภาพยนตร์ให้เลือกชมหลายประเภท ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและกระแส แต่หากจะให้พิจารณาประเภทหนึ่ง เราคิดว่าภาพยนตร์ที่อิงจากเรื่องจริงเป็นประเภทที่เราอยากจะแนะนำ เนื่องจากในปัจจุบันภาพยนตร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และคนจำนวนมากในปัจจุบันยังคงนิยมชมภาพยนตร์ที่อิงจากเหตุการณ์จริงมากกว่า
สำหรับภาพยนตร์ที่อิงจากเรื่องจริง (Movies Based on True Stories) คือภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งอาจจะจริงหรือไม่จริง 100% ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างทีมงานผู้สร้างและผู้ให้ข้อมูล เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Gangubai Kathiawadi หรือ Green Book ที่มีโครงเรื่องหลักอิงจากชีวิตจริงของผู้คน แต่มีเนื้อเรื่องเสริมเข้าไปเพื่อให้ภาพยนตร์มีมิติและน่าสนใจมากขึ้น หรืออาจจะเป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่อิงจากเรื่องจริงเกือบ 100% ก็ได้ ดังนั้นภาพยนตร์เหล่านี้จึงเหมาะกับการรับชมเพื่อความบันเทิงมากกว่าการรับชมเพื่อหาข้อมูลทางวิชาการ เพราะเนื้อหาของภาพยนตร์อาจไม่ตรงกับความจริง 100%
แนะนำ หนังที่สร้างจากเรื่องจริง 1. Thirteen Lives (สิบสามชีวิต)
แนะนำ หนังที่สร้างจากเรื่องจริง ภารกิจช่วยเหลือหมูป่า 13 ตัวจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของอาสาสมัคร 2 คน ผู้นำปฏิบัติการ คือ ริก สแตนตัน และจอห์น โวลันเธน ซึ่งประสานงานร่วมกับอาสาสมัครจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นคนแรกที่ค้นหาและระบุตำแหน่งของหมูป่า 13 ตัวได้สำเร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดขั้นตอนการกู้ภัยที่คิดอย่างรอบคอบ โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงชาวบ้านเล็กๆ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แสดงให้เห็นว่าทุกคนต่างร่วมมือกันช่วยเหลือเด็กๆ อย่างสุดความสามารถ แม้ว่าสภาพอากาศในเวลานั้นจะเลวร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม
อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เปิดเผยอีกด้านหนึ่งของภารกิจช่วยเหลือหมูป่า 13 ตัว เนื้อหาของภาพยนตร์เผยให้เห็นภาพเหตุการณ์จริงบางส่วนและจำลองสถานการณ์ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ สัมผัสได้ถึงความทุ่มเทและแรงกดดันของอาสาสมัครทุกคน บางฉากทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ แต่นอกเหนือจากการเปิดเผยสถานการณ์จริงภายในถ้ำและปฏิบัติการกู้ภัยแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับจ่าสิบเอกแซมที่เสียสละชีวิตในภารกิจและจ่าสิบเอกเบรุต ปากบารา ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดในเวลาต่อมา
2. The Conjuring : The Devil Made Me Do It (คนเรียกผี 3 มัจจุราชบงการ)
เรื่องราวสยองขวัญเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่อาร์น จอห์นสัน สังหารเจ้าของบ้านอย่างโหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง แต่เขากลับบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าร่างกายของเขาถูกปีศาจควบคุมและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และแน่นอนว่าคำกล่าวอ้างนี้ไม่น่าเชื่อถือในศาล ทำให้เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน คู่รักนักปีศาจวิทยาชื่อดังต้องเข้าร่วมการสืบสวนคดีลึกลับนี้ และดูเหมือนว่ายิ่งใกล้ความจริงมากขึ้นเท่าไร เรื่องราวก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
ภาพยนตร์เรื่องที่สามในจักรวาล Conjuring อิงจากแฟ้มคดีลึกลับและอาถรรพ์ที่สุดในสหรัฐอเมริกา คดีนี้กลายเป็นคดีสำคัญและเป็นที่เฝ้าจับตามองของชาวอเมริกันทั่วประเทศ เพราะนอกจากจะซับซ้อนและลึกลับแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวถึงเรื่องลึกลับในศาลอีกด้วย แม้ว่าคณะลูกขุนจะไม่ยอมรับคำให้การของจำเลย แต่ต้องยอมรับว่าคณะลูกขุนเองก็เชื่อในสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นั่นคือพระเจ้าที่ไม่มีอยู่จริงและล่องหนได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้อิงจากเรื่องจริง แต่ได้รับการเสริมแต่งเพื่อให้เรื่องราวน่าสนใจยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ได้บิดเบือนความจริงมากเกินไป ถือเป็นอีกหนังที่สร้างจากเรื่องจริงที่น่าสนใจสำหรับคนชอบเรื่องลึกลับ
3. The Cave (นางนอน)
เรื่องจริงของภารกิจที่คนทั้งโลกเฝ้าจับตามอง ภารกิจช่วยเหลือหมูป่า 13 ตัวที่ติดอยู่ในถ้ำที่ขึ้นชื่อว่าซับซ้อนที่สุดในโลก ตัวแปรสำคัญของภารกิจนี้คือ เวลา สภาพอากาศ และชีวิต 13 ชีวิตที่รอคอยความช่วยเหลือด้วยความหวังที่ริบหรี่ ภารกิจช่วยเหลือหมูป่า 13 ตัวถือเป็นภารกิจใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากอาสาสมัครผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลก ทุกหน่วยงานในประเทศ รวมถึงพลังของชาวบ้านเล็กๆ ที่อาสาช่วยเหลือสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตทุกชีวิตแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็ตาม
หนึ่งในภาพยนตร์กึ่งสารคดีเรื่องแรกๆ ที่แสดงภาพเบื้องหลังภารกิจช่วยเหลือหมูป่า 13 ตัวที่ติดอยู่ในถ้ำ โดยเรื่องราวอิงจากเรื่องจริงและถ่ายทอดเหตุการณ์จริงบางส่วนในภาพยนตร์ ทำให้ผู้ที่ติดตามข่าวสารหลังจอทีวีอย่างเราๆ สามารถเข้าใจขั้นตอนของภารกิจได้ดีขึ้น หนังไม่ได้เน้นที่โค้ชและเด็กทั้ง 13 คนมากนัก แต่เน้นเล่าถึงเรื่องราวการกู้ภัย ความจริง และความเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน นอกจากนี้ หนังยังแสดงให้เห็นระบบที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขน่ารำคาญของหน่วยงานรัฐไทย ทำให้เราสงสัยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก สภาพอากาศ เวลา หรือกระบวนการทำงาน แต่สุดท้ายก็ทำให้โลกได้รับรู้ว่าฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีปีกหรือพลังพิเศษ และหนังยังนำไปสู่การสร้างซีรีส์เรื่อง The Cave Rescuse ที่กำลังสตรีมบน Netflix อยู่ในขณะนี้
4. Hidden Figures (ทีมเงาอัจฉริยะ)
ขณะที่ NASA กำลังเร่งปล่อยยานอวกาศเพื่อสำรวจจักรวาล นักคณิตศาสตร์แคเธอรีน จอห์นสันได้รับเรียกตัวให้มาช่วยคำนวณความแม่นยำของโครงการ เมื่อเธอมาถึงหน่วยงานพิเศษ เธอพบว่าเธอเป็นผู้หญิงผิวสีเพียงคนเดียวในโครงการ แน่นอนว่าในยุค 60 การเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติทางเพศยังคงเป็นเรื่องปกติ ทำให้การทำงานของแคเธอรีนมีความเครียดและค่อนข้างยากลำบาก ในขณะเดียวกัน ดอริธี วอห์นและแมรี่ แจ็คสัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน กำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและพยายามเอาชนะช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตัวตน จุดเปลี่ยนมาถึงเมื่อเธอต้องเดิน 800 เมตรเพียงเพื่อใช้ห้องน้ำสำหรับคนผิวสี และต้องกลับมาโต้เถียงกับเจ้านายผู้เป็นใหญ่ของเธอในสภาพที่เปียกโชก
เบื้องหลังภารกิจอันยิ่งใหญ่ของยานอพอลโล 11 ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ผู้หญิงทั้ง 3 คนถือเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนผิวสีใน NASA เพราะในตอนนั้นคนผิวสีถูกเลือกปฏิบัติและถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากกลุ่มคนผิวขาว ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถแค่ไหนก็ถูกเลือกปฏิบัติและถูกจำกัดสิทธิอย่างไม่เป็นธรรม นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเป็น ‘คนผิวสี’ เท่านั้น หนังเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ทำให้เราสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ดิ้นรนของผู้หญิงทั้ง 3 คนตลอดทั้งเรื่อง หลังจากดูแล้วเชื่อว่าหลายๆ คนจะได้รับไอเดียและเห็นความสามารถของคนอื่นๆ ที่โดดเด่นกว่าสีผิวหรือรูปลักษณ์ภายนอก